ฤดูฝนไม่ใช่ศัตรู หากคุณเตรียมรถให้พร้อมเสมอ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ฝนสามารถตกได้ไม่เลือกเวลา การ ดูแลรถหน้าฝน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนควรใส่ใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจนำไปสู่ความเสียหาย หรือแม้กระทั่งอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกถึง เทคนิคดูแลรถ และวิธี บำรุงรักษารถ ให้เหมาะสมกับสภาพอากาศชื้นแฉะ เพื่อให้รถของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์ พร้อมใช้งาน และปลอดภัยตลอดฤดูฝน
ตรวจสอบระบบปัดน้ำฝนและน้ำยาฉีดกระจก
ฝนที่ตกกระหน่ำจะลดทัศนวิสัยของผู้ขับขี่อย่างมาก ระบบปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพ จะช่วยให้คุณเห็นเส้นทางได้ชัดเจนตลอดเวลา ควรตรวจสอบว่าใบปัดน้ำฝนไม่แข็งกรอบหรือฉีกขาด และสามารถปัดน้ำได้เรียบลื่น
น้ำยาฉีดกระจก ก็มีความสำคัญไม่น้อย ควรเติมให้เต็มอยู่เสมอ และเลือกใช้สูตรที่มีคุณสมบัติขจัดคราบไขมันหรือฝุ่นได้ดี ซึ่งจะช่วยให้กระจกรถใสสะอาดตลอดเวลา แม้ในวันที่ฝนตกหนัก
เช็กสภาพยางรถยนต์และดอกยาง
ยางรถยนต์ ถือเป็นด่านหน้าในการสัมผัสกับพื้นถนนที่ลื่นและเต็มไปด้วยน้ำ ดอกยางที่ลึกพอและไม่สึกหรอจะช่วยระบายน้ำได้ดี ลดโอกาสที่รถจะลื่นหรือเสียหลัก ควรตรวจสอบความลึกของดอกยางว่าไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร และควรหมุนสลับยางตามระยะ เพื่อยืดอายุการใช้งาน
อย่าลืม เช็กแรงดันลมยาง ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพราะแรงดันที่ต่ำเกินไปจะทำให้เกิดการสะสมความร้อนง่าย ส่วนแรงดันที่สูงเกินไปจะทำให้การยึดเกาะถนนลดลง
บำรุงรักษาระบบเบรกและช่วงล่าง
ในสภาพถนนเปียก ระบบเบรกต้องตอบสนองไวและแม่นยำ การดูแลระบบเบรก เช่น ผ้าเบรก น้ำมันเบรก และจานเบรก ให้พร้อมใช้งานจึงจำเป็นมาก หากมีเสียงผิดปกติ หรือเบรกแล้วสั่น ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็กทันที
ระบบช่วงล่าง ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ควรดูแล เพราะต้องรับแรงกระแทกจากหลุมน้ำ ถนนขรุขระ หรือแรงสั่นจากการเบรกกะทันหัน การดูแลโช้คอัพ ลูกหมาก และบูชต่าง ๆ จะช่วยให้รถเกาะถนนดีและขับขี่นุ่มนวลยิ่งขึ้น
ป้องกันความชื้นเข้าสู่ห้องโดยสารและเครื่องยนต์
ฝนไม่เพียงแต่ทำให้ภายนอกเปียกชื้น แต่ยังอาจ สร้างความเสียหายจากความชื้นภายใน หากซีลยางตามขอบประตูหรือกระจกเสื่อมสภาพ น้ำอาจรั่วซึมเข้าสู่ภายใน ทำให้เบาะหรือพรมอับชื้นและเกิดเชื้อราได้
ควรเช็กซีลยางเป็นประจำ และหากมีความชื้นสะสมในห้องโดยสารควรใช้ เครื่องดูดความชื้นแบบพกพา หรือเปิดเครื่องปรับอากาศแบบไล่ความชื้น (AC Mode) เพื่อรักษาสภาพภายในให้แห้งเสมอ
เครื่องยนต์ก็ไม่ควรถูกน้ำเข้าโดยเฉพาะช่องอากาศหรือตัวกรอง ถ้าจำเป็นต้องขับผ่านน้ำท่วม ควรใช้เกียร์ต่ำและรักษาความเร็วคงที่ ห้ามเร่งเครื่องกะทันหัน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำย้อนเข้าเครื่องยนต์
ดูแลระบบไฟส่องสว่างและแบตเตอรี่ให้พร้อมเสมอ
ในช่วงที่แสงน้อยหรือฝนตกหนัก ไฟหน้าที่ชัดเจนคือสิ่งจำเป็น ระบบไฟทุกจุดไม่ว่าจะเป็น ไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก หรือไฟตัดหมอก ควรอยู่ในสภาพสมบูรณ์และสว่างเพียงพอ ตรวจสอบหลอดไฟและเปลี่ยนหากพบว่าแสงเริ่มหรี่ลง
ส่วน แบตเตอรี่ ควรเช็กให้มั่นใจว่าไม่มีคราบเกลือเกาะที่ขั้ว และมีแรงดันไฟฟ้าที่เหมาะสม เพราะหากแบตอ่อน อาจทำให้สตาร์ทรถไม่ติดเมื่อเจออากาศชื้นและหนาวจัด
เคลือบสีรถและบำรุงยางขอบประตู
การ เคลือบสีรถ จะช่วยป้องกันคราบน้ำฝังแน่นและรอยด่างจากฝุ่นที่ปะปนมากับฝน โดยเฉพาะกรดฝนที่สามารถกัดสีรถได้ ควรเลือกใช้แว็กซ์หรือเคลือบแก้วที่มีคุณสมบัติกันน้ำ
อย่าลืม บำรุงยางขอบประตู ด้วยซิลิโคนหรือผลิตภัณฑ์เฉพาะ เพื่อยืดอายุการใช้งาน ลดเสียงลม และป้องกันน้ำรั่วเข้าในห้องโดยสาร
สรุปภาพรวมการดูแลรถหน้าฝน
การ ดูแลรถหน้าฝน ไม่ใช่เรื่องซับซ้อน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอและละเอียดรอบคอบ เพราะสภาพอากาศชื้นแฉะสามารถส่งผลกระทบทั้งต่อสมรรถนะและความปลอดภัยของรถได้อย่างมาก
หากเจ้าของรถให้ความสำคัญกับการ บำรุงรักษารถ และ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย เช่น ระบบปัดน้ำฝน ยางรถยนต์ หรือระบบไฟต่าง ๆ ก็จะสามารถขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ไม่ว่าจะเจอกับพายุฝนหรือถนนลื่นแค่ไหน รถของคุณก็พร้อมลุยทุกสถานการณ์