นมผึ้ง หรือบ้างก็เรียก “วุ้นนางพญา” ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Royal Jelly เป็นส่วนที่ผลิตโดยผี้งงานด้วยการขับออกมาจากต่อมที่มีชื่อว่า ไฮโปฟาริงค์ ที่อยู่บริเวณส่วนหัวของตัวผึ้ง เพื่อใช้เป็นอาหารของผึ้งนางพญา ทำให้ผึ้งนางพญามีรูปร่างที่สมบูรณ์ใหญ่และมีอายุยืนกว่าผึ้งงานทั่วๆ ไป และทำให้สามารถวางไข่เพื่อขยายพันธุ์ได้มากกว่า 2,500 ฟองต่อวัน แต่ว่าในหนึ่งรังผึ้ง ผึ้งงานจะสามารถผลิตนมผึ้งได้เพียงไม่เกิน 3 กรัมต่อวันเท่านั้น
นมผึ้ง มีลักษณะเป็นสีครีม หรือ สีเหลืองอ่อน และมีเนื้อคล้ายกับโยเกิร์ต / นมข้นหวาน สำหรับส่วนประกอบที่อยู่ในนมผึ้งนั้นจะมี น้ำ น้ำตาล ไขมัน วิตามินบีรวม วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินดี วิตามินอี โปรตีน กรดอะมิโน เจลาติน และแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แมกนีเซียม สังกะสี แคลเซียม โพแทสเซียม ทองแดง แมงกานีส เป็นต้น และที่สำคัญคือ 10-Hydroxy-2-Drcenoid Acid (ช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย) ที่ค้นพบเฉพาะในนมผึ้งเท่านั้น
ประโยชน์นมผึ้ง
- ช่วยในการชะลอวัย และทำให้มีสุขภาพแข็งแรง
- ช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง ช่วยลดปัญหาของสิว ผ้า และกระ
- ช่วยในการรักษาโรคหวัด
- ช่วยทำให้เจริญอาหาร
- บำรุงสมอง
- ช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน (ชะลอการเกิดริ้วรอย)
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
- ช่วยขจัดไขมันที่ตกค้างในตับ
- ช่วยลดความดันโลหิต
- ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดงให้มีความสมบูรณ์
- ช่วยในการรักษาบาดแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น
- ช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น
- ช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุน
- ช่วยบำรุงเส้นผม
- ช่วยบรรเทาอาการเครียด
- ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อดื้อยาต่างๆ
- ช่วยปรับสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง
- ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
- ช่วยในการรักษาโรคหวัด หืดหอบ
ฯลฯ
จากคุณประโยชน์จากนมผึ้งมากมายข้างต้น นมผึ้งจึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่เป็น โรคความดันโลหิต เบาหวาน หรือแม่แต่ผู้ป่วยมะเร็งในระยะแพร่กระจาย
ปัจจุบันมีการผลิตนมผึ้งออกมาในรูปแบบอาหารเสริมมากมาย มีจำหน่ายทั่วไปในรูปของแคปซูล และแบบซอฟเจล การเลือกซื้อก็ควรดูแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือ อายุของผึ้ง และอายุการเก็บรักษา การเลือกรับประทานแนะนำให้ดูที่ความเข้มข้นและอายุของผู้ทาน หากอายุต่ำกว่า 25 ปีให้ทานนมผึ้ง 1.1% อายุ 25 – 35 ปีให้ทานความเข้มข้นที่ 2 – 5% อายุ 35 ปีให้ทานที่ความเข้มข้น 6% และรับประทานต่อวันประมาณ 300-500 mg. ไม่ควรเกินจากนี้