ยิ่งนานยิ่งลืม! ดึงลูกค้ากลับมาซื้อของด้วยโฆษณา Remarketing

654

การทำโฆษณา Remarketing หรือที่หลาย ๆ คนรู้จักในชื่อของการทำโฆษณา Retargeting เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญบนสนามการค้าออนไลน์ที่ช่วยให้แบรนด์ของเราดึงกลุ่มลูกค้าที่ห่างหายไปนานกลับมาเป็นลูกค้าอีกครั้ง หรือที่ดีกว่านั้นกลยุทธ์นี้อาจดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้เราเพิ่มอีกด้วย แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะ Remarketing ได้? เลื่อนลงมาได้เลย

โฆษณา Remarketing

การทำโฆษณา Remarketing สำคัญไฉน

ในสนามการค้าออนไลน์ การทำโฆษณาเช่นนี้คือการติดตามกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าที่เคยเข้ามาในเว็บไซต์ของเราแต่ยังไม่กดซื้อสินค้าหรือกดสินค้าเข้าตะกร้าไว้อย่างเดียว โดยหากเราพบเจอลูกค้าประเภทนี้ เราจะทำการโฆษณา Remarketing เข้าไปเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อสินค้า ลองคิดภาพตามง่าย ๆ เวลาเราเข้าไปดูของที่อยากได้ใน Lazada หรือ Shopee แล้วเรากดผ่านและไม่ได้ซื้อสินค้านั้น ๆ แล้วเปิดไปหน้าเว็บอื่น เราจะพบว่าโฆษณาของสินค้านั้น ๆ จะตามเราไปหน้าเว็บอื่นที่เรากดไปต่อ นอกจากแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขายแล้ว การทำโฆษณาประเภทนี้ก็สามารถทำได้ทั้งบน Google และ Facebook อีกด้วย

กลยุทธ์แบบไหนถึงจะ Remarketing ลูกค้าได้

หากสินค้ามีลักษณะใกล้เคียงกัน นักการตลาดหรือนักวางแผนโฆษณาหลายคนเลือกที่จะใช้ “ราคา” มาดึงดูดความสนใจของลูกค้าให้เข้ามาเลือกชมและซื้อสินค้า แต่วิธีนี้สามารถทำได้แค่เพียงระยะสั้นเท่านั้น แต่เราจะทำอย่างไรที่จะใช้วิธีโฆษณา Remarketing เพื่อครองใจลูกค้าได้ยาวนานขึ้น?

กำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน

สินค้าบนโลกออนไลน์เกิดขึ้นใหม่ทุกวัน และผู้คนตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ก็มีพฤติกรรมหาข้อมูลและเปรียบเทียบราคาสินค้าอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น นอกจากคุณภาพสินค้าแล้ว สิ่งหนึ่งที่เราต้องตอบให้ได้ก่อนทำโฆษณา Remarketing คือ สินค้าของเราช่วยลูกค้าแก้ปัญหาในชีวิตพวกเขาได้อย่างไร และทำไมลูกค้าถึงควรซื้อสินค้า หากเมื่อตอบโจทย์ได้ครบถ้วนแล้ว เราจะมาดูกันต่อว่า สินค้าของเราควรเจาะกลุ่มลูกค้าประเภทไหน มีความสนใจในด้านใดแบบเฉพาะเจาะจงบ้างเพื่อเลือกลูกค้าให้ถูกกลุ่มและลดค่าใช้จ่ายสำหรับการโฆษณาลงไปนั่นเอง

ติดตามพฤติกรรมผู้บริโภคทุกแพลตฟอร์มที่เราลงขายสินค้า

ในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะ Facebook หรือ Google ก็มีเครื่องมือที่เราสามารถใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคอย่าง Custom Audience และ Google AdSense โดยระบบเหล่านี้จะช่วยติดตามพฤติกรรมลูกค้าเพื่อดูว่าลูกค้าแต่ละคนมีความสนใจสินค้าตัวไหน หรือ กำลังมองสินค้าประเภทใดเพื่อตอบโจทย์ชีวิตตัวเอง นอกจากเรื่องความสนใจแล้ว อีกหนึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เราควรให้ความสนใจ คือ การหาสาเหตุว่าทำไมคนถึงไม่ซื้อสินค้าของเราเพื่อประกอบการทำโฆษณา Remarketing จากผลสำรวจของสถาบัน Baymard Institute ในปี 2020 พบว่า ค่าส่งและค่าธรรมเนียมที่แพงเกินไปส่งผลให้ลูกค้าไม่ซื้อสินค้ามากถึง 50% เลยทีเดียว ดังนั้นหากเราติดตามและศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เราจะรู้ทันทีว่าเราควรสร้างโฆษณา Remarketing ลูกค้าอย่างไรดี

ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์

การทำโฆษณา Remarketing ทำให้เสียค่าโฆษณาน้อย เพราะมันสามารถช่วยให้ลูกค้าเห็นโฆษณาเราถี่ ๆ ในขณะที่เราจ่ายเท่าเดิม ดังนั้น หากเราเพิ่มเงื่อนไขที่ทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าอย่างการเพิ่ม Sense of Urgency หรือ การใช้เวลาเร่งด่วน นั้นก็สามารถช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าอยากซื้อสินค้าได้มากขึ้น เช่น การใช้โปรโมชั่นที่จำกัดช่วงเวลา หรือ การลดราคาที่มีช่วงเวลาสั้น เป็นต้น บนแพลตฟอร์มออฟไลน์เอง การ Remarketing ก็สามารถเพิ่มความสนใจของลูกค้าได้ เช่นในกรณีของ McDonald ที่เสนอให้เราเพิ่มเงิน 10 บาทเพื่อเพิ่มเฟรนช์ฟรายส์และเครื่องเดิมเป็นไซส์ใหญ่ เป็นต้น

การทำโฆษณา Remarketing นั้นสามารถทำให้ลูกค้าเห็นสินค้าได้แม้จะไม่ได้เปิดหน้าแพลตฟอร์มนั้น ๆ เลยก็ตาม นอกจากนี้ยังสามารถทำให้เราได้เรียนรู้และเข้าใจกลุ่มลูกค้าเพื่อหากลยุทธ์อื่น ๆ มากระตุ้นยอดขายได้ด้วย ดังนั้น เลือกใช้วิธีที่เหมาะสม รู้จักกลุ่มลูกค้าตัวเอง และ Remarketing อย่างรอบคอบ เท่านี้เราก็สามารถปิดการขายกับลูกค้าที่ไม่ยอมกดซื้อสินค้าเราสักที